การใช้แอสไพรินขนาดต่ำในผู้สูงอายุ

แอสไพรินเป็นยาที่รู้จักกันมานาน หาซื้อได้ง่าย และมีราคาถูก ปกติใช้เป็นยาแก้ปวด ลดไข้ รักษาโรครูห์มาติก
แก้อาการปวดใน โรคเกาต์ สุดท้ายยังอาจนำมาใช้ประโยชน์ในการรักษาและ ป้องกันโรค ของผู้สูงอายุได้หลายอย่าง
เช่น โรคหัวใจโคโรนารี โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคอัลไซเมอร์ แม้กระทั่งมะเร็งบางชนิด แอสไพรินขนาดต่ำ
ใช้ป้องกันอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ในผู้ป่วยที่เคยมีอาการโรคหัวใจรุนแรงมาก่อน หรือผู้ป่วยที่มี อาการเจ็บอก
แบบแอนไจนา ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นอัมพาต ในผู้ป่วยที่เคยแสดง อาการหลอดเลือดสมองตีบชั่วคราวได้มาก
กล้ามเนื้อหัวใจตาย คือการเกิดเนื้อตายของหัวใจในบางส่วน เนื่องจากหลอดเลือดโคโรนารีอุดตันและ
เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ หัวใจไม่ได้ สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะนี้เกี่ยวข้องกับการเกิด ก้อนหรือลิ่มเลือด ซึ่งมี
กลไกขึ้นอยู่กับการกระตุ้นเกล็ดเลือด และระบบการ แข็งตัวของเกล็ดเลือด
ปัจจุบันมีการนำแอสไพรินมาใช้ในการรักษาและป้องกัน กล้ามเนื้อหัวใจตายกันมากขึ้น เนื่องจากแอสไพริน
สามารถ ไปยับยั้งเอนไซม์ Cyclo-oxygenase จึงมีผลต่อการสร้างสาร thromboxane A2 และ prostacyclin
(PGI2) ซึ่งมีความสำคัญ ต่อการทำงานของเกล็ดเลือด ทำให้การเกิดก้อนหรือลิ่มเลือด ลดลง เป็นผลให้ลดการ
เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายได้ ขนาดของ แอสไพรินที่นำมาใช้ควรเป็นขนาดต่ำ เพื่อลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
จากการใช้ยา

ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

• ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ของแอสไพริน ส่วนใหญ่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ
  ขนาดของยา ดังนั้นผลนี้จะลดลงเมื่อใช้ยานี้ขนาดต่ำ แอสไพรินอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและแผลใน
  กระเพาะอาหาร ผู้ป่วยอาจมีอาการโลหิตจาง และมีเลือดออก การใช้แอสไพรินขนาดต่ำ ทำให้เลือดออก
  ในกระเพาะเล็กน้อย
• แอสไพรินอาจทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น ลมพิษ น้ำมูกไหล หลอดลมหดตัว ทำให้เกิดอาการหอบหืดเฉียบพลัน
  อาจรุนแรงถึงชีวิตได้
• แอสไพรินรบกวนการทำงานของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดแข็งตัวช้า หรือเลือดออกง่าย จึงอาจเกิดจ้ำสีม่วง
  บนผิวหนัง หรือทำให้สูญเสียเลือดจากทางเดินอาหารได้
• แอสไพรินอาจทำให้เกิดผลต่อตับ ตับโต เบื่ออาหาร คลืนไส้ และอาจมีอาการดีซ่าน จึงไม่ควรใช้กับ
  ผู้ป่วยโรคตับ
• แอสไพรินลดการทำงานของไต
• ลดการขับถ่าย uric acid

ข้อควรระวังและข้อห้ามใช้

การใช้แอสไพรินนาน ๆ อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจางและขาดธาตุเหล็ก
ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ มีแผลในทางเดินอาหาร โรคเลือดไหลไม่หยุด และผู้ป่วยที่กำลังใช้ยาต้าน
   การแข็งตัวของเลือด
หลีกเลี่ยงหรือใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วย หอบหืด โรคตับ และไต
ควรรับประทานหลังอาหารทันทีเพื่อไม่ให้ ระคายเคืองกระเพาะ
ควรดื่มน้ำมาก ๆ
ไม่ควรใช้ยานี้ร่วมกับแอลกอฮอล์ เนื่องจากทำให้เกิดแผลในระบบทางเดินอาหารง่ายขึ้น
ควรหยุดรับประทานก่อนทำการผ่าตัด 7 วัน เพราะจะทำให้เลือดหยุดช้า
ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่เป็นอีสุกอีใส ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก
ผู้ที่มีสุขภาพสมบูรณ์ดี ไม่เคยมีอาการที่สังสัยว่า จะเกิดอาการขาดเลือดที่หัวใจหรือสมอง ไม่ควรรับประทาน
   ยาแอสไพรินกันไว้ เพราะอาจมีผลเสีย มากกว่าผลดีเมื่อใช้ยาติดต่อกันนาน ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา